1. ฉีดล้างคราบฝุ่นด้วยน้ำสะอาด
    ขั้นตอนการล้างรถที่ถูกต้อง ควรเริ่มจากการฉีดน้ำทั่วรถไล่คราบสกปรกให้อ่อนตัวลง สามารถใช้สายยางธรรมดาหรือเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง แต่มีข้อควรระวังแรงดันน้ำอาจทำให้พื้นผิวแล้วตัวถังรถยนต์เสียหายได้
  2. ผสมน้ำอุ่นกับน้ำยาล้างรถ
    เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดูแลรถยนต์แต่ละยี่ห้อมีอัตราส่วนไม่เท่ากัน ควรผสมตามคำแนะนำที่ระบุไว้บนฉลาก แต่ก่อนที่เราจะเริ่มนำฟองน้ำถูไปที่รถโดยตรง แนะนำให้ใช้สายตากวาดก่อนว่ามีคราบใหญ่ ๆ หรือเศษหินดินทรายปนอยู่ด้วยหรือไม่ หากมีให้ใช้สำลีเช็ดทำความสะอาดเบื้องต้นก่อน เพราะถ้าเราถูแบบไม่ดูเลย อาจทำให้รถเป็นรอยขีดข่วนได้ พอเช็ดคราบสปกรกออกหมดแล้วค่อยนำฟองน้ำชุบกับแชมพูล้างรถยนต์ แล้วเริ่มเช็ดทำความสะอาดทีละส่วน
  3. ล้างรถจากบนลงล่าง
    วิธีล้างรถไม่ให้เป็นคราบ ควรใช้ฟองน้ำสำหรับล้างรถทำความสะอาดจากหลังคารถไล่ลงมาด้านข้าง เมื่อทำความสะอาดส่วนนึงเสร็จแล้วให้ใช้ที่ฉีดน้ำทำความสะอาดทันที แล้วค่อยไปล้างในส่วนอื่น ๆ ต่อ จะได้ไม่เกิดคราบฝัง โดยส่วนสุดท้ายที่เราจะจบคือบริเวณล้อ เนื่องจากเป็นส่วนที่มีคราบสกปรกมากที่สุด โดยใช้แปรงขัดทำความสะอาดบิรเวณผิวหน้ายาง ล้อ และบังโคลนล้อ แล้วค่อยใช้แปรงดีเทลลิงทำความสะอาดบริวเณซอกหรือมุมเล็ก ๆ ที่หลายคนอาจพลาดไป
  4. ล้างรถภายนอกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง
    ชะล้างฟองต่าง ๆ ด้วยน้ำสะอาดให้ครบทุกส่วนอีกครั้ง โดยไล่จากด้านบนหลังคาลงล่าง โดยฉีดไปที่ตัวถังรถยนต์ พร้อมจบปิดงานด้วยการฉีดน้ำสะอาดไปที่บริเวณตัวรถยนต์และล้อทุกข้าง ทำซ้ำ ๆ แบบนี้ประมาณ 2-3 รอบ จนไม่เหลือคราบ
  5. เช็ดรถให้แห้งด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์
    ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้าชามัวร์ เช็ดทำความสะอาดรถยนต์ให้แห้งในทันที โดยเฉพาะกระจกหน้ารถ เพื่อป้องกันฝุ่นเกาะ โดยค่อย ๆ ถูไล่ไปในทางเดียว หลีกเลี่ยงการถูวนเป็นวงกลม เพราะอาจทำให้เกิดรอยได้ นอกจากนี้ยังควรแบ่งใช้ผ้าคนละผืนในการเช็ดรถแต่ละส่วน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคราบสกปรกซ้ำ
  6. ลงน้ำยาเคลือบผิวรถยนต์
    เมื่อทำความสะอาดรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรตามด้วยการลงแว็กซ์หรือน้ำยาเคลือบเงา เพื่อช่วยให้รถยนต์ดูเงางามเสมือนรถคันใหม่ เปรียบเสมือนเป็นการบำรุงรักษารถไปในตัว สำหรับมือใหม่อาจเลือกใช้แบบสเปรย์ฉีด เพื่อการใช้งานที่ง่ายกว่าเดิม แล้วค่อยลองแบบอื่น ๆ ต่อไป แนะนำใช้ฟองน้ำในการลงน้ำยาเคลือบสีรถทีละส่วนจนครบ แต่ไม่ควรลงบริเวณที่พื้นผิวไม่เหมาะกับน้ำยาที่ใช้งาน ทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วจึงใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดออก เพียงเท่านี้การทำความสะอาดภายนอกรถยนต์ก็เรียบร้อย
  7. ทำความสะอาดภายในรถยนต์
    เนื่องจากระบบภายในรถยนต์มีความซับซ้อน ใครที่ยังเป็นมือใหม่ เริ่มจากการดูดฝุ่นบริเวณพรม เบาะ และซอกเล็ก ๆ ภายในรถยนต์ก่อน แล้วนำส่วนที่สามารถเอาออกมาได้มาเริ่มทำความสะอาด เช่น ซักพรม หรือปลอกหุ้มต่าง ๆ จากนั้นจึงใช้น้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์ค่อย ๆ เช็ดให้ครบทุกจุด แต่ต้องดูส่วนผสมของน้ำยาที่เลือกใช้ด้วย ไม่อย่างนั้นอาจเกิดความเสียหายตามมาได้

ข้อควรระวังในการล้างรถด้วยตัวเอง ที่หลายคนเข้าใจผิด!
หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอกแทนน้ำยาล้างรถ: ในขั้นตอนการล้างรถด้วยน้ำยาล้างรถ และมีหลายคนไม่รู้ว่าใช้อะไรล้างรถได้บ้าง คนที่เน้นสะดวกสบายเลยเลือกน้ำผงซักฟอกหรือน้ำยาล้างจนมาล้าง ซึ่งเป็นสิ่งไม่ควรทำ เนื่องจากเป็นน้ำยาที่มีค่าเป็นด่างสูง สามารถไปทำลายชั้นเคลือบสีรถให้บางลงได้
หลังล้างรถเสร็จ อย่ารอให้รถแห้งเอง: การรอให้รถแห้งเอง จะทำให้เกิดคราบน้ำเป็นจุด ๆ วง ๆ จนอาจจะเกิดสนิทในบริเวณที่อับชื้นได้
หลีกเลี่ยงการล้างรถกลางแดด: เพราะแสงแดดจะทำปฏิกิริยากับน้ำยาล้างรถ ทำให้ระหว่างล้างตัวน้ำยาล้างรถจะระเหยเร็วจนเกิดไปจนเป็นคราบติดกับตัวรถ ต้องเสียเวลาล้างใหม่อีกรอบ
ห้ามล้างรถตอนเครื่องยนต์ร้อน: เพราะเมื่อน้ำโดนเข้ากับความร้อนของเครื่องยนต์ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิแบบฉับพลันจนนำไปสู่ความเสียหายกับเครื่องยนต์ได้
ใช้อุปกรณ์ล้างรถที่ไม่มีคุณภาพ: การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ไม่มีคุณภาพ เช่น การนำผ้าขนหนูหรือผ้าทั่วไปที่มีเนื้อผ้าแข็งกระด้างมาเช็ดรถ อาจทำให้รถเป็นรอยได้

ขอบคุณข้อมูล : https://shopee.co.th/